++ [กระทู้ต่อ] แม่นุ่น ตอน 15: คีโมเข็มที่สอง....... “อ้วน... เค้าคงไม่ไหวแล้ว” ++

++ อ่านตอน 1-14 ที่ facebook.com/noonsupermom

ตอน 15: คีโมเข็มที่สอง....... “อ้วน... เค้าคงไม่ไหวแล้ว”

ผมปลดปล่อยอารมณ์เศร้าไปเรื่อยๆ พร้อมๆ กับการทำความสะอาดร้าน
ไม่นานนักก็ถึงเวลานัดกับคนที่จะมาเซ้งร้าน เราใช้เวลาพูดคุยเจรจากันสักพัก ในที่สุดการซื้อขาย ร้านเค้กแห่งความรักของเราก็เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย...

ผมคงต้องนำข่าวนี้ไปบอกกับแม่นุ่นแล้ว...

ระหว่างขับรถกลับบ้าน ผมก็ยังต้องคิดหาคำพูดที่ดีที่สุด เพื่อที่จะบอกสิ่งที่แม่นุ่นคงไม่อยากได้ยินเท่าไหร่นัก....

สักพักก็ถึงบ้าน เวลานี้ประมาณสามทุ่ม แม่นุ่นคงเข้านอนแล้ว
ผมค่อยๆ เปิดประตูเข้าห้องนอน เพราะไม่แน่ใจว่าแม่นุ่นกำลังหลับอยู่ป่าว

ผมเห็นแล้วว่า แม่นุ่นยังไม่หลับ....

“อ้วน เค้าว่าไงบ้าง?” แม่นุ่นถามเสียงเบาๆ เพราะเจ็บที่ปาก และเหมือนรอที่จะฟังข่าวจากผม

ผมรีบปรับอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติ แล้วก็ตอบแม่นุ่นว่า
“อ๋อ เค้าวางเงินเรียบร้อยแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอะไร” ผมทำตัวปกติ พลางเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ เตรียมตัวนอน

“เหรอ...” แม่นุ่นพูดเสียงเบาสั้นๆ
“อืม” ผมตอบรับกลับ

สักพัก.. ผมได้ยินเสียงสะอื้น เบาๆ

ผมชำเลืองไป แม่นุ่นนั่งอยู่บนเตียง ก้มหน้า ร้องไห้

“เค้าเสียดาย.. เค้าไม่น่าเป็นแบบนี้เลย..” แม่นุ่นสะอื้น คร่ำครวญเบาๆ มองออกไปทางระเบียงนอกห้อง โทษโชคชะตาตัวเอง และอาลัยร้านที่เค้าทำมากับมือ

ผมรีบเดินไปหา นั่งข้างๆ โอบไหล่เพื่อปลอบใจ
“ไม่ต้องเสียดายหรอกนะ หายแล้วค่อยทำมันใหม่ก็ได้ รักษาตัวเองให้หายเหอะ เปิดอีกสองร้านยังได้เลย ถ้าตัวเองไหวนะ” ผมพูดปลอบแกมล้อเล่นหน่อยๆ......

แต่แม่นุ่นไม่เห็นหรอก ว่าน้ำตาผมก็ไหลเหมือนกัน.....

..................................................................................

ถึงจะเป็นห้วงเวลาแห่งความเศร้าของเราทั้งคู่ แต่ผมก็รู้สึกอุ่นใจที่จะได้เงินมาพอจะที่ซื้อยาให้แม่นุ่นได้ประมาณสองเข็ม

นอกเหนือจากค่ายา การตัดสินใจครั้งนี้ จะทำให้ผมสามารถซื้อเวลาในการคิดหากทางออกอีกราวสองเดือนด้วยกัน (แม่นุ่นใช้ยาทุกๆ สามสัปดาห์)

.................................................
เรื่องเงินพอทุเลาเบาบางลงบ้าง... แต่เรื่องการแพ้ยาของแม่นุ่นกลับสวนทางกัน...

อาการปากอักเสบของแม่นุ่นเริ่มรุนแรงขึ้น
แม่นุ่นมีอาการแสบกับทุกๆ อย่างทานเข้าไปในปาก
แม้กระทั่งไอติม นมเอนชัวร์ ที่แช่จนเย็นจัดแล้ว

“อ้วนดูปากให้เค้าหน่อยสิ” แม่นุ่นบอกให้ผมดูสิ่งผิดปกติในปากเค้า
ตอนนี้มุมปากแม่นุ่นเริ่มมีแผล แม่นุ่นบอกให้ผมดู แต่ก็อ้าปากไม่ได้มาก เพราะรู้สึกเจ็บ

ผมลองมองเพ่งเข้าไป มองเห็น มีฝ้าขาวๆ ตามขอบลิ้น
“เห็นแล้ว นิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็คงดีขึ้น” ถึงผมเห็นอย่างนั้น ผมก็ต้องพูดให้กำลังใจ ในใจเริ่มมีความกังวลนิดๆ

แต่ก็ไม่อยากที่คิดมากในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น

“ทานแล้วเจ็บแต่ก็ต้องทนนะ เดี๋ยวหาไอติมอร่อยๆ เจลลี่ พวกนี้น่าจะทานได้ ทนหน่อยนะ ยังไงตัวเองก็ต้องกินสู้กับมัน” ผมยังย้ำถึงการกิน ที่ถึงแม้จะเจ็บ แต่ถ้าทานไม่ได้แม่นุ่นต้องทรุดลงกว่าเดิมแน่

“ลองไปซื้อไอติมรสใหม่มาให้เค้าลองดู อาจจะทานได้ก็ได้” แม่นุ่นพยักหน้าตอบรับ เห็นอย่างนั้น ก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นบ้าง ว่าใจยังสู้เต็มร้อย

พอได้ยินผมรีบไปจัดมาให้ทันที
“ซื้อมาแล้ว ลองดูเลยมั้ย” ผมเปิดกล่องไอติม ออกมาให้แม่นุ่นลอง
แม่นุ่นรับไปจากมือ แล้วชิมเล็กน้อย
“อุ้ย.. เจ็บอ่ะ” แม่นุ่นทำหน้าเจ็บ แต่ยังพยายามละเลียดที่ลิ้นต่อ
“ไหวมั้ย ได้มั้ย?” ผมถามซ้ำ เพราะถ้าไม่ไหวผมต้องหาอย่างอื่นแล้ว
“ไหวๆ เจ็บนิดหนึ่ง” แม่นุ่นพยักหน้า ยังฝืนทานต่อได้

แม้เห็นว่ายังทานได้ แต่ผมก็ยังไม่สบายใจ เพราะจะเป็นอย่างงี้ต่อไปอีกกี่วัน....
.....................................................

วันที่ เสาร์ 1 มิ.ย:

ครบเจ็ดวันพอดีหลังจากให้ยาคีโมเข็มที่สอง ซึ่งลด Taxotere จาก 120 mg เหลือแค่ 100 mg เพื่อความหวังที่จะลดอาการแพ้ของแม่นุ่น

ผมจับตัวแม่นุ่น แม่นุ่นตัวรุมๆ เหมือนจะมีไข้ ผมเอาปรอทมาวัด ปรอทที่ผมมีเป็นปรอทธรรมดาไม่กี่สิบบาท
มันอ่านยากนิดหนึ่ง แต่ผมก็พยายามอ่าน ตอนนี้แม่นุ่นมีไข้ต่ำๆ 37.8
จากเมื่อวันก่อน ที่มีฝ้าขาวๆ ข้างๆ ลิ้น ตอนนี้มันเริ่มมากกว่าเดิม
ผมคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร นอกจากส่งข้อความไปหาคุณหมอ เพื่อถามถึงยาที่สามารถใช้ได้.....

“น่าจะลอง Amoxicillin ก่อน” หมอตอบผมกลับมาในเช้าวันอาทิตย์ ว่าให้ทานยาแก้อักเสบที่หาได้ทั่วไป

ผมส่งข้อความกลับเพื่อขอบคุณหมอ แต่ใจผมคิดว่า แค่นี้มันคงไม่พอ...

ถึงตอนนี้อาการที่ปากรุนแรงขึ้นมาก...
เพดานปากแม่นุ่น เริ่มหลุดเป็นแผ่น ...
ฝ้าขาวๆ ตุ่มขาวๆ ขึ้นเต็มปาก ลิ้นหมด...
กลิ่นปากแรงมาก มันไม่ใช่ปากเหม็น ...
แต่มันเป็นกลิ่นเหมือนกลิ่นน้ำลายแต่มันเหม็นกว่านั้น...
จนผมก็บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน...

ซ้ำหนักวันนี้แม่นุ่นปฏิเสธอาหารทุกชนิด แม้แต่น้ำเปล่าก็ยังแสบ

จากอาการทั้งหมด “แค่ยาแก้อักเสบคงไม่พอ” ในใจผมคิดอย่างนั้น

ผมเริ่มเปิด โน๊ตบุ๊ก คู่ชีพ เพื่อค้นหาข้อมูลเพี่อแก้ปัญหาอีกครั้ง ....ว่าอะไร? ที่จะช่วยบรรเทาอาการปากเปื่อยของแม่นุ่น?

อย่างน้อยขอให้เจอยาที่ช่วยลดอาการแสบในปาก ที่พอจะช่วยให้แม่นุ่นทานอะไรได้บ้าง ผมนึกในใจ
วันนี้ทั้งวันแม่นุ่นยังไม่ทานอะไรเลย!!

ผมหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ใน อินเทอเน็ต
ผมจะเชื่อข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น

ครั้งนี้มันหายากมาก แต่ผมไม่ท้อ...

กว่าครึ่งวันแล้ว ที่ผมค้นไม่เจออะไรที่พอทำให้เชื่อได้เลยว่าจะใช้ได้จริง..
แต่ในที่สุด ความพยายามผมก็สัมฤทธิ์ผล
ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ผมก็พบข้อมูลที่น่าจะใช้ได้แล้ว


#####################################
เยื่อบุช่องปากอักเสบ (Stomatitis)

ภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ (Stomatitis) จะมีอาการเยื่อบุช่องปากบวมแดง มีแผลในช่องปาก ปวดที่แผล มีกลิ่นปาก น้ำลายออกมาก เคี้ยวและกลืนอาหารได้ลำบาก บางครั้งอาจพบปัญหาการหายใจลำบากเนื่องจากมีเสมหะอุดตันทางเดินหายใจ รวมทั้งอาจมีอาการเหงือกและลิ้นมีฝ้าขาวจากเชื้อรา สามารถแยกชนิดตามสาเหตุการเกิด ได้ดังนี้

1. Contact stomatitis คือการเกิดปฏิกิริยาไวเกินของเยื่อบุในปากต่อสารกระตุ้นที่สัมผัส สาเหตุที่พบบ่อยคือ ยาสีฟัน ยาอมบ้วนปาก ยาอมฆ่าเชื้อ ลิปสติก สารปรุงแต่งในอาหาร และหมากฝรั่ง อาจเกิดขึ้นหลังจากสัมผัสระยะเวลาเพียงไม่กี่วันจนถึงปี
2. Ulcerative stomatitis หรือ Mucositis คือการเกิดแผลเปื่อยในช่องปาก อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างรับยา cytotoxic drug ได้แก่ยา Epirubicin(9-59%), doxorubicin(5-41%), Docetaxel(19-53%), Capecitabine(22-25%), Topotecan(18%), Paclitaxel(15%), Gemcitabine(10-14%), Methotrexate(>10%), Fluorouracil, Daunorubicin(>10%), Cyclophosphamide(>10%), Vinblastine(less common) และ Carboplatin(1%)นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากยาอื่นๆ เช่น NSAIDs, gold compound และsulfasalazine แต่มักจะหายไปโดยเร็วเมื่อหยุดใช้ยา
3. การติดเชื้อ เชื้อที่เป็นสาเหตุคือ เชื้อไวรัส Herpes simplex และเชื้อราCandida albican พบในผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ เช่นโรคมะเร็งเม็ดเลือด หรือผู้ป่วยที่รับยาเคมีบำบัด เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
4. Denture stomatitis พบได้ 24-60% ในผู้ที่ใส่ฟันปลอม อาการคือมีเลือดออกและบวมที่เยื้อเยื่อรองรับฐานฟันปลอม รู้สึกปวดแสบปวดร้อน ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ปากแห้ง และการรับรสไม่ดี
การรักษา
1.    ทำความสะอาดช่องปากด้วยน้ำเกลืออ่อนๆ หรือ sodium bicarbonate solution
2.    ยาระงับปวดเฉพาะที่ (topical anesthetic) ได้แก่ 0.15% Benzydamine hydrochloride-Difflam หรือ 2% viscous
3.    lidocain อมกลั้วปาก หรือ 5% Lignocaine ointment ทาบริเวณแผล หรือ Benzocaine lozenges ใช้อม
4.    สเตียรอยด์แบบทาเฉพาะที่ (topical steroids) ได้แก่ 0.1% triamcinolone acetonide cream or ointment
ทาวันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
5.    ยาต้านเชื้อไวรัสเฉพาะที่ (topical antiviral agents) ได้แก่ 5% Acyclovir ointment ทาแผลวันละ 5 ครั้ง
6.    ยาต้านเชื้อราเฉพาะที่ (topical antifungal agents) ได้แก่ Nystatin oral suspension (100,000 U/ml) อมกลั้วปาก 2-5 ml นาน 2 นาที วันละ 4ครั้ง แนะนำให้ใช้นาน 10-14 วัน

อ้าง อิง http://oncospr2011.blogspot.com/2011/07/stomatitis.html

#####################################


พอได้ชื่อยาเท่านั้นแหละ ผมรีบหยิบกุญแจรถเพื่อไปคลังยาแถวบ้านทันที
ประมาณ ชม เศษๆ ผมก็กลับมาถึงบ้าน แม้ผมไม่ได้ยาครบตามข้อมูลที่ได้ แต่อย่างน้อย ผมก็ได้ยาบ้วนปากระงับปวดเฉพาะที่ Difflam และ Nystatin ยาบ้วนฆ่าเชื้อราในปาก บวกกับของเดิมที่มีอยู่แล้วคือ Trinolone เป็นยาขี้ผึ้งทาปาก

ผมไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลมั้ย แต่คงต้องลองดู...

“อ้วน เค้าได้ยามาแล้วนะ” ผมบอกแม่นุ่น พร้อมถุงยาขนาดย่อมในมือ
“ลองดูนะ ว่าจะโอเคมั้ย แต่มันต้องได้ เชื่อเค้า” ผมยิ้มให้ความมั่นใจ พร้อมแกะกล่องตามขนาดใช้ที่เขียนไว้ข้างกล่อง เริ่มจากยาบ้วนปากระงับปวดก่อน

ผมหวังที่สุดว่ามันจะได้ผล เพราะถ้าได้ผลดีปากแม่นุ่นจะชาพอที่จะทานอะไรได้บ้าง ถึงแม้จะไม่รู้รสก็ตาม

แม่นุ่น อมยาเข้าปาก ส่วนผมผมลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ...

“เจ็บ..” แม่นุ่นครางเบาๆ แต่ยังกัดฟันอมน้ำยาอยู่..
“ทนนิดหนึ่ง เดี๋ยวปากน่าจะค่อยๆ ชาขึ้น บ้วนแล้วกลืนลงคอนะ” ผมยืนให้กำลังใจ พร้อมบอกวิธีทำข้างๆ

แม่นุ่นยังกัดฟันกลั้วปากต่อไป แต่คงแสบมาก เพราะน้ำตาไหลเป็นทางเลย

แม่นุ่นส่ายหน้า ไม่กี่วินาทีจากนั้น แม่นุ่นก็บ้วนออกมา

“เฮ้อ.. ไม่กลืนอ่ะ เหม็นจะอ้วก” แม่นุ่นหอบนิดหน่อย น้ำหูน้ำตาไหล เพราะความแสบ ที่ไม่กลืนเพราะรับกับกลิ่นปากตัวเองไม่ได้
“เก่งมากๆ เป็นไงบ้าง ถ้ารู้สึกชาแล้ว ก็ค่อยลองทานน้ำดูว่ายังแสบอยู่มั้ย” ผมยิ้มด้วยความดีใจ ที่แม่นุ่นสู้ไหว
สักพักแม่นุ่นขอน้ำจะลองจิบ ผมไปหยิบ และยื่นให้
“อืม... ” แม่นุ่นจิบน้ำนิดเดียวเบาๆ ผมมองหน้าแม่นุ่น ใจยังลุ้นว่าผลจะออกมายังไง
“เป็นไง???” ผมถามแม่นุ่น...

“ไม่.. ไม่ค่อย..เจ็บแล้ว..” แม่นุ่นตอบกลับ
ผมแทบร้องไชโย ที่เห็นแม่นุ่นผ่านไปได้ จากนั้นผมก็ไม่รอที่เปิดขวดยาทุกอันให้แม่นุ่น และทำตามที่ในเวปบอก

ยาทุกอย่างค้นพบ สามารถใช้ได้ดี อย่างน้อยแม่นุ่นก็สามารถทานน้ำได้แล้ว

“ขอบคุณมากนะอ้วน.. ที่หายาวิเศษมาให้..” แม่นุ่นยกมือไหว้ผม อีกครั้ง
ผมได้แค่ยิ้ม ที่เห็นแม่นุ่นดีขึ้น
............................................

ผ่านไป หนึ่งวัน หนึ่งคืน
แม่นุ่นยังมีไข้ต่ำๆ เท่าเดิม เริ่มพยายามทาน นมเอนชัวร์ ถึงแม้จะได้แค่จิบแต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี ที่ผมเชื่อว่าถ้ากายไม่เจ็บ ใจแม่นุ่นก็ยังเข้มแข็งพอจะสู้ต่อกับโรคต่อไปได้
...........

วันจันทร์ ที่ 3 มิ.ย.
วันนี้ผมมีประชุมสำคัญที่ต้องไป อาการแม่นุ่นทั่วไปยังทรงๆ ถึงแม้จะมียาช่วย แต่ก็ยังทานได้น้อยอยู่

ตื่นเช้าก่อนไปทำงาน ผมจับตัวแม่นุ่น สัมผัสได้ถึงตัวที่ร้อนขึ้น ผมวัดไข้แม่นุ่นยังได้เท่าเดิม

“รู้สึกยังไงบ้าง ตัวร้อนนะ เป็นไข้รึป่าว” ผมถามแม่นุ่น
“ไม่ได้เป็น คงร้อนเพราะห่มผ้าหน่ะ” แม่นุ่นตอบผมแบบรำคาญ
“วันนี้เค้ามีประชุม ต้องไปแล้วนะ แล้วจะรีบกลับ” ผมบอกแม่นุ่นถึงความจำเป็นที่ต้องไปทำงาน
แม่นุ่นได้แต่พยักหน้า เหมือนอยากจะหลับอย่างเดียว

ผมไปทำงานในรอบหลายๆ วัน
มีเมล์ในอินบอก มีร่วมร้อยฉบับต้องนั่งไล่อ่าน
แถมต้องทำสไลด์เพื่อประชุมในตอนบ่าย
วันนี้คงไม่ได้กลับเร็วแน่ๆ

ผมคุยกับแม่นุ่น ทาง LINE ว่าวันนี้คงกลับช้ากว่าที่เคย เพราะงานรออยู่เพียบ จากเห็นผ่านข้อความ แม่นุ่นยังดูพูดคุยเป็นปกติ
บ่ายสองแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องเข้าประชุม

การประชุมดำเนินไปค่อนข้างยาวนานมาก เพราะเป็นโครงการคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่หลายสิบล้านบาท ผมมีตำแหน่งเป็น ผจก โครงการ ที่ไม่ค่อยได้มาทำงานในช่วงหลังๆ ทำให้การแก้ปัญหาหลายอย่างค่อนข้างล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น

ตอนนี้ เกือบสองทุ่มแล้ว ผมใช้เวลาในเวลาการประชุมกับลูกค้ากว่า 4 ชม
ผมแทบหมดแรงที่จะขับรถกลับบ้านจาก วิภาวดี มา สำโรง ที่อยู่คนละฝากฝั่งของ กรุงเทพ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่